Archive for มีนาคม, 2011

สหราชอาณาจักรปรับระบบวีซ่านักเรียนครั้งใหญ่

จากไทยรัฐออนไลน์
วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ.2554
สหราชอาณาจักรปรับระบบวีซ่านักเรียนครั้งใหญ่ จ่อเข้มตัดนักเรียนที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้

นาง เทเรซ่า เมย์ รมว.มหาดไทยแห่งสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า รัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักร ได้ปรับปรุงระบบวีซ่านักเรียน ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2555 สถาบันการศึกษาต่างๆที่ต้องการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อ จะต้องเป็นสถาบันที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงสุดและได้รับการรับรองจาก องค์กรตรวจ สอบคุณภาพทางการศึกษาภายในสิ้นปี พ.ศ. 2555 สำหรับนักเรียนจะต้องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดี เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าสหราชอาณาจักรได้รับนักเรียนที่มีความสามารถเข้า ศึกษาต่อ โดยผู้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาต้องสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับสูง กว่าระดับกลางค่อนไปทางสูงขึ้นไป หรือ B2 Level โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคน เข้าเมืองสามารถปฏิเสธการเข้าเมืองของนักเรียนที่ไม่สามารถสื่อสารภาษา อังกฤษโดยไม่ใช้ล่ามได้ เนื่องจากมีเหตุผลที่ชัดเจนว่านักเรียนผู้นั้นมีระดับภาษาอังกฤษไม่ผ่าน มาตรฐานที่กำหนดไว้

รมว.มหาดไทยแห่งสหราชอาณาจักรกล่าวต่อว่า นักเรียนระดับมหาวิทยาลัยและวิทยาลัย ยังคงได้รับสิทธิทำงาน แต่นักเรียนอื่นๆจะไม่มีสิทธิทำงาน ส่วนหลักสูตรที่มีการทำงานควบคู่นั้น จะมีข้อจำกัดในการทำงาน โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาที่ไม่ใช่ระดับมหาวิทยาลัย ส่วนระยะเวลาของสถานภาพวีซ่านักเรียนระดับต่ำกว่าปริญญาตรีจะได้ไม่เกิน 3 ปี ระดับปริญญาตรีขึ้นไปได้ 5 ปี ส่วนนักเรียนระดับปริญญาโทและเอก และนักเรียนทุนรัฐบาลเท่านั้น ที่สามารถมีผู้ติดตามได้ นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้นักเรียนต่างชาติที่ จบการศึกษาแล้วอยู่ต่อเพื่อทำงานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทางได้ โดยทำงานกับผู้ว่าจ้างที่ได้รับอนุญาต แล้วเท่านั้น.

Leave a comment »

เผยเก้าอี้ว่างรับม.1-ม.4ในกรุงเทพฯ

จากเดลินิวส์ออนไลน์
วันอังคาร ที่ 29 มีนาคม 2554
นายสุรศักดิ์ ศรีสว่างรัตน์ ผอ.สำนัก งานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กรุงเทพมหานคร เขต 2 เปิดเผยว่า เนื่องจากขณะนี้ยังมีนักเรียนม.1 ในพื้นที่ สพม.กทม.เขต 2 อีกประมาณ 2,000 คน ที่ยังไม่มีที่เรียน ทางสพม.กทม.เขต 2 จึงได้เปิดให้นักเรียนที่ยังไม่มีที่เรียนมาแจ้งความจำนงเพื่อจัดสรรที่เรียนในวันที่ 3-4 เม.ย. 54 และจะประกาศผลการจัดสรรที่เรียนในวันที่ 7 เม.ย. แต่ในขณะนี้ได้มีผู้ปกครองทยอยเข้ามาแจ้งความจำนงบ้างแล้วและคาดว่าคงมีอีกจำนวนหนึ่งได้ไปแจ้งความจำนงไว้ที่โรงเรียน ซึ่งมั่นใจว่านักเรียนจะมีที่เรียนทุกคน เพราะยังมีที่ว่างรองรับนักเรียนได้ทั้งหมด หากผู้ปกครองไม่เลือกโรงเรียนที่จะจัดสรรให้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับโรงเรียนในเขตพื้นที่ สพม.กทม.เขต 2 ที่ยังมีว่างได้แก่ รร.นวมินทราชูทิศ กรุงเทพมหานคร รร.บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 4 รร.มัธยมวัดหนองจอก รร.ลาดปลาเค้าพิทยาคม รร.รัตนโกสินทร์สมโภชลาดกระบัง รร.มัธยมวัดบึงทองหลาง รร.ดอนเมืองจาตุรจินดา รร.สีกัน (วัฒนานันท์อุปถัมภ์) รร.พรตพิทยพยัต รร.ราชดำริ รร.ศรีพฤฒา รร.บางกะปิสุขุมนวพันธ์ รร.กุนนทีรุทธารามวิทยาคม รร.พุทธจักรวิทยา รร.มัธยมวัดธาตุทอง รร.ปทุมคงคา รร.ยานนาเวศวิทยาคม รร.นนทรีวิทยา รร.เจ้าพระยาวิทยาคม

ด้าน นายวิทธยา บริบูรณ์ทรัพย์ รักษาการ ผอ.สพม.กทม.เขต 1 กล่าวว่า ขณะนี้โรงเรียนมัธยมศึกษาใน สพท.กทม.เขต 1 ยังมีที่นั่งว่างรับนักเรียน ชั้น ม.1 ได้อีก 3,770 คน ชั้น ม.4 จำนวน 1,825 คน โดยโรงเรียนที่ยังสามารถรับนักเรียนได้อีก ได้แก่ รร.ไตรมิตรวิทยาลัย ม.1 รับได้ 69 คน ม.4 รับได้ 37 คน รร.มักกะสันพิทยา ม.1 รับได้ 200 คน ม.4 รับได้ 100 คน รร.วัดสระเกศ ม.1 รับได้ 64 คน ม.4 รับได้ 40 คน รร.วัดราชบพิธ ม.1 รับได้ 113 คน รร.วัดสังเวช ม.1 รับได้ 159 คน ม.4 รับได้ 123 คน รร.มัธยมวัดเบญจมบพิตร ม.1 รับได้ 98 คน ม.4 รับได้ 19 คน รร.ราชนันทาจารย์สามเสนวิทยาลัย 2 ม.1 รับได้ 90 คน ม.4 รับได้ 67 คน รร.วัดบวรนิเวศ ม.1 รับได้ 130 คน ม.4 รับได้ 43 คน รร.วัดราชาธิวาส ม.1 รับได้ 96 คน ม.4 รับได้ 24 คน รร.ศีลาจารพิพัฒน์ ม.1 รับได้ 77 คน ม.4 รับได้ 46 คน รร.สุวรรณสุทธารามวิทยา ม.1 รับได้ 143 คน ม.4 รับได้ 84 คน รร.สันติราษฎร์วิทยาลัย ม.4 รับได้ 45 คน รร.มัธยมวัดมกุฏกษัตริย์ ม.1 รับได้ 129 คน ม.4 รับได้ 84 คน รร.วัดน้อยนพคุณ ม.1 รับได้ 129 คน ม.4 รับได้ 53 คน รร.วัดประดู่ในทรงธรรม ม.1 รับได้ 170 คน รร.ไชยฉิมพลีวิทยาคม ม.1 รับได้ 178 คน ม.4 รับได้ 122 คน รร.วัดรางบัว ม.1 รับได้ 80 คน ม.4 รับได้ 20 คน รร.ราชวินิตบางแคปานขำ ม.1 รับได้ 87 คน รร.นวลนรดิศวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก ม.1 รับได้ 164 คน ม.4 รับได้ 50 คน

รร.ฤทธิณรงค์รอน ม.1 รับได้ 84 คน ม.4 รับได้ 113 คน รร.สวนอนันต์ ม.1 รับได้ 155 คน ม.4 รับได้ 9 คน รร.วัดปากน้ำวิทยาคม ม.1 รับได้ 16 คน ม.4 รับได้ 28 คน รร.วัดบวรมงคล ม.1 รับได้ 117 คน ม.4 รับได้ 82 คน รร.วิมุตยารามพิทยากร ม.1 รับได้ 250 คน ม.4 รับได้ 12 คน รร.ธนบุรีวรเทพีพลารักษ์ ม.1 รับได้ 110 คน ม.4 รับได้ 159 คน รร.วัดอินทาราม ม.1 รับได้ 94 คน ม.4 รับได้ 15 คน รร.มัธยมวัดดาวคนอง ม.1 รับได้ 147 คน ม.4 รับได้ 120 คน รร.มหรรณพาราม ม.1 รับได้ 19 คน รร.ทีปังกรณ์วิทยาพัฒน์ (ทวีวัฒนา) ม.1 รับได้ 182 คน ม.4 รับได้ 55 คน รร.ทีปังกรณ์วิทยาพัฒน์ (วัดน้อยใน) ม.1 รับได้ 50 คน ม.4 รับได้ 135 คน รร.สุวรรณพลับพลาพิทยาคม ม.1 รับได้ 84 คน รร.ทวีธาภิเษก 2 ม.1 รับได้ 10 คน ม.4 รับได้ 20 คน รร.พิทยาลงกรณ์พิทยาคม ม.1 รับได้ 30 คน ม.4 รับได้ 10 คน รร.วัดพุทธบูชา ม.1 รับได้ 126 คน ม.4 รับได้ 30 คน รร.อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ม.4 รับได้ 40 คน รร.แจงร้อนวิทยา ม.1 รับได้ 120 คน ม.4 รับได้ 40 คน

นายจำเริญ รัตนบุรี ผอ.สพม.เขต 12 นครศรีธรรมราช พัทลุง กล่าวว่า ถึงแม้ขณะนี้จังหวัดนครศรีธรรมราชจะประสบปัญหาอุทกภัย โดยมีโรงเรียนได้รับผลกระทบ กว่า 40 โรง แต่การรับนักเรียนเข้าเรียนต่อชั้น ม.1 และ ม.4 ในภาพรวมก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โรงเรียนส่วนใหญ่ยังคงดำเนินการตามปฏิทินการรับสมัครนักเรียนที่ สพฐ.กำหนด ซึ่งจะเหลือแต่การมอบตัวนักเรียนในวันที่ 2-3 เม.ย.นี้เท่านั้น ทั้งนี้ตนได้กำชับกับผู้อำนวยการโรงเรียนทุกคนแล้วว่า ให้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด หากนักเรียนไม่สามารถเดินทางมามอบตัวได้ เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมก็ให้อนุโลมให้เลื่อนวันมามอบตัวในภายหลัง เพื่อไม่ให้นักเรียนต้องเสียสิทธิ ส่วนปัญหาการฝากเด็กนั้นขณะนี้ยังไม่พบ ขณะที่เด็กที่พลาดจากการสอบเข้าโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง ก็ได้มีการเกลี่ยไปยังโรงเรียนคู่พัฒนาที่เด็กได้เลือกไว้แล้ว ดังนั้นเด็กทุกคนจะมีที่เรียนแน่นอน.

Leave a comment »

แห่รอลุ้นระทึกจับสลากเข้าม.1 ชี้มีที่เรียนทุกคน

จากเดลินิวส์ออนไลน์
วันจันทร์ ที่ 28 มีนาคม 2554
จับสลากเข้าม.1 ผู้ปกครอง-นักเรียนลุ้นระทึก เผยเหตุเดียวกันแต่มี 2 อารมณ์ จับได้ดีใจกระโดดตัวปลิว ส่วนเด็กพลาดหวังร้องห่มร้องไห้

บางรายถึงกับเป็นลม โรงเรียนดังเตรียมแผนเกลี่ยนร.ไปยังโรงเรียนคู่พัฒนา และรร.ในเขตพื้นที่บริการ ยันเด็กมีที่เรียนทุกคน “ผอ.หอวัง”โล่งอกไม่มีร้องเรียน-ไร้ผู้ปกครอง นักการเมือง รบกวนฝากเด็ก “กพฐ.”แจงจับสลากปีนี้เรียบร้อย เปิดยื่นคำร้องเด็กพลาดหวังถึง 4 เม.ย.นี้

ที่โรงเรียนหอวัง ถนนพหลโยธิน เวลา 08.00 น. วันที่ 27 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการจับสลากเข้าเรียนชั้นม.1 เขตพื้นที่บริการของโรงเรียนหอวัง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา กรุงเทพมหานคร เขต 2 โดยผู้ปกครองพาบุตรหลานที่มีสิทธิจับสลาก มาคอยลุ้นตั้งแต่เช้า บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีเด็กที่มีสิทธิจับสลาก 189 คน โรงเรียนรับได้ 110 คน มีเด็กมารายงานตัว 160 คน ซึ่งนักเรียนบางคนนำธูปเทียนและพวงมาลัยมาสักการะพระพุทธปัญญาสุริยาภาธร พระ พุทธรูปประจำโรงเรียน เพื่อขอพรให้จับสลากได้ เมื่อถึงนาทีระทึกใจคณะกรรมการเรียกเด็กขึ้นมาจับสลากบนเวที โดยเด็กบางคนถึงกับแขวนเครื่องรางของขลังสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง เด็กที่โชคดีจับได้เหรียญสีเขียวจะแสดงอาการดีใจ กระโดดตัวปลิว ส่วนนักเรียนที่จับได้เหรียญสีชมพูหลายคนถึงกับร้องไห้ เป็นลมไปก็มี

นายปลองยุทธ อินทพันธุ์ ผอ.โรงเรียนหอวัง กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ของโรงเรียนฯ เพราะมีเด็กที่พลาดหวังการสอบเข้าโรงเรียนหอวังน้อยมาก เนื่องจากมีเด็กในพื้นที่บริการสอบได้มากกว่าเด็กนอกพื้นที่บริการ อย่างไรก็ตามเด็กที่ไม่สามารถจับสลากได้ทางโรงเรียนฯได้เตรียมแผนเกลี่ยนักเรียนไปยังโรงเรียนคู่พัฒนาและโรงเรียนในเขตพื้นที่บริการ 6 แห่ง ได้แก่ รร.ราชวินิต บางเขน รร.จันทร์หุ่นบำเพ็ญ รร.พิบูลอุปถัมภ์ รร.บางบัว (เพ่งตั้งตรงจิตรวิทยาคาร) รร.มัธยมประชานิเวศน์ (กทม.) และ รร.เสนานิคม ขอให้ผู้ปกครองสบายใจได้เพราะเด็กที่พลาดหวังจะมีที่เรียนทุกคนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษา ธิการ ที่ทำให้การรับนักเรียนปีนี้ของโรงเรียนไม่มีการร้องเรียน และไม่มีผู้ปกครอง นักการเมือง มารบกวนฝากเด็ก เพราะหลักเกณฑ์การรับนักเรียนปีนี้ชัดเจนทำให้ไม่สามารถมีช่องทางฝากเด็กได้เหมือนปีที่ผ่านมา

ด้าน ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า การจับสลากเข้าเรียนชั้นม.1 ปีนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีตัวแทนของคณะกรรมการติดตามตรวจสอบและประเมินผลการรับนักเรียนของสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ปีการศึกษา 2554 มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย อัตราการแข่งขันจับสลากถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนปัญหาการรับนักเรียนใน สพม.กทม. เขต 1 ไม่พบปัญหาและยังเหลือที่ว่างที่สามารถรับเด็กได้อีกประมาณ 3,700 คน ส่วน สพม.กทม.เขต 2 ที่ยังมีจำนวนเด็กล้น 1,000 กว่าคนนั้น ยืนยัน ว่าเด็กทุกคนจะมีที่เรียนอย่างแน่นอน เพราะตนมอบนโยบายไปแล้วว่าหากเด็กที่พลาดหวังจากการสอบและการจับสลากให้โรงเรียนเกลี่ยเด็กไปยังโรงเรียนคู่พัฒนา โดยสามารถยื่นคำร้องได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 4 เม.ย. ทั้งนี้กระบวนการรับนักเรียนปีการศึกษา 2554 ทุกคนจะมีที่เรียนทั้งหมด และตนจะเรียกประชุมผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาและผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง ภายในวันที่ 5 เม.ย.

Leave a comment »

‘ชินวรณ์’ยืดอกรับผิดชอบคนเดียว

จากเดลินิวส์ออนไลน์
วันศุกร์ ที่ 18 มีนาคม 2554
ถ้ารับนักเรียนโปร่งใสแล้วถูกฟ้อง

จากการสัมมนาผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง 366 โรง วันที่ 17 มี.ค.ที่โรงแรมอินทรารีเจ้นท์ ประตูน้ำ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนต้องการเปลี่ยนระบบการศึกษาไทยให้เป็นนโยบายการรับนักเรียนแห่งการอภิวัฒน์ เพื่อสร้างค่านิยมใหม่ให้ผู้ปกครองและนักเรียน ให้เด็กทุกคนได้เลือกเรียนตามความถนัดอย่างหลากหลาย และต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายการรับนักเรียน ปี 2554 ทำให้คุณภาพทางการศึกษาสูงขึ้น สังคมต้องตระหนักถึงการระดมทรัพยากรทางการศึกษาอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างสังคมแห่งการระดมทรัพยากรใหม่ ตนไม่อยากให้มีเรื่องร้องเรียนการเรียกรับเงินเกิดขึ้น เพราะมีผู้ปกครองร้องเรียนถึงการเรียกรับเงินใต้โต๊ะของโรงเรียนดังกว่า 30 โรงเป็นเงินกว่า 16 ล้านบาทมาที่ตนแล้ว ซึ่งตนอยากให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เพราะการร้องเรียนมีเข้ามาตั้งแต่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ดังนั้นจึงหวังว่า ผอ.โรงเรียนและ ผอ.เขต พื้นที่ฯทุกคนจะเข้าใจนโยบายนี้และนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

“จุดเปลี่ยนการรับนักเรียนต้องการอภิวัฒน์ไปสู่การศึกษาที่มีคุณภาพ ไม่อยากเห็นผู้บริหารโรงเรียนถูกกล่าวหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นเรื่องการเรียกแป๊ะเจี๊ยะอีกต่อไป จากการประเมินเบื้องต้นผมพอใจในกระบวนการสร้างความเข้าใจในนโยบายนี้ ผมให้คะแนน 85% ส่วนที่เหลือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ต้องนำปฏิบัติต่อ และสร้างค่านิยมใหม่ให้ผู้ปกครองด้วยว่า โรงเรียนไม่สามารถรับฝากเด็กได้ และจะไม่มีการเปิดรับรอบ 2 แน่นอน เพราะฉะนั้นผู้ปกครองต้อง เตรียมแผนรองรับไว้ด้วย”นายชินวรณ์กล่าว

รมว.ศธ.กล่าวว่า สำหรับกรณีที่โรงเรียนไม่สามารถประกาศรายชื่อนักเรียนเงื่อนไขพิเศษได้ทันวันที่ 18 มี.ค. นั้น ตนเข้าใจและขอให้เลื่อนการประกาศรายชื่อตามเงื่อนไขนี้เป็นวันที่ 22 มี.ค. ส่วนกรณีที่เด็กสละสิทธิ์ขอให้เลือกสำรองตามบัญชีรายชื่อเด็กสอบทั่วไปและเด็กสอบในเขตพื้นที่สลับกันเพื่อความเป็นธรรม สำหรับนักเรียนที่เป็นบุตรผู้ทำคุณประโยชน์อย่างต่อเนื่องก็ต้องเป็นผู้ที่เกี่ยวพันโดยตรงจะเป็นหลานไม่ได้ ซึ่งหากโรงเรียนทำตามนโยบายและมีเจตนาบริสุทธิ์ ตนยินดีจะดูแลอย่างเต็มที่ หากมีการฟ้องร้องกรณีรับนักเรียนให้ฟ้องมาที่ตนคนเดียว ตนจะรับผิดชอบทั้งหมด

นายอุดม พรมพันธ์ใจ ผอ.รร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ กล่าวว่า การกำหนดเงื่อนไขพิเศษต้องคิดให้รอบคอบ เพราะว่าขั้นตอนการพิจารณาต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาที่ต้องประชุมหารือร่วมกัน การประกาศรายชื่อเด็กเงื่อนไขพิเศษในวันที่ 18 มี.ค.ไม่ทันแน่นอน เพราะบางโรงเรียนก็เพิ่งรู้ ดังนั้นจึงยังไม่ได้ประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา ส่วนกรณีเงื่อนไขพิเศษที่ให้รับลูกของครูในโรงเรียนเข้าเรียนก็เป็นเรื่องเสี่ยงที่ ผอ.รร.จะถูกฟ้องได้ เพราะหากรับลูกครูในโรงเรียนเข้าเรียนและลูกของประชาชนคนอื่น ๆ หรือคนที่เป็นข้าราชการอื่นจะมองว่าอย่างไร ซึ่งตรงนี้ ผอ.รร.จะต้องตกเป็นจำเลยสังคมและหากโดนฟ้องใครจะรับผิดชอบ.

Leave a comment »

จี้คุมเข้มผลิตครูคุณภาพหวั่นล้นตลาด

จากไทยรัฐออนไลน์
วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2554
อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เผย นักเรียนสมัครเรียนครูสูงมากขึ้น แนะรัฐบาลหนุนผู้เรียนจริงจัง โดยการให้ทุน การันตีมีงานทำ เพื่อให้มีคุณภาพ…

รศ.ดร.ช่วงโชติ พันธุเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (มร.สส.) เปิดเผยว่า การรับนักศึกษาของ มร.สส. ปีการศึกษา 2554 มีแผนรับประมาณ 4,000 คน ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นระบบโควตา ร้อยละ 30 ระบบรับตรง ร้อยละ 40 และระบบแอดมิชชั่น ร้อยละ 30 โดยในระบบรับตรงและระบบโควตานั้น มีนักเรียนมาสมัครเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเข้าเรียนสูงถึง 17,000 กว่าคน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้สมัครเข้าเรียนในคณะครุศาสตร์สูงถึง 7,700 กว่าคน ถือเป็นตัวเลขที่สูงมากหากเปรียบเทียบกับจำนวนที่รับได้เพียง 220 กว่าคนเท่านั้น การที่มีผู้สนใจมาสมัครเข้าเรียนคณะครุศาสตร์มากขนาดนี้เป็นเพราะมั่นใจว่า เรียบจบแล้วมีงานทำแน่นอน เนื่องจากรัฐบาลประกาศชัดว่ามีครูขาดแคลนสูงถึง 20,000-30,000 อัตรา สาเหตุของการขาดแคลนเกิดจากความผิดพลาดในการจำกัดอัตรากำลังข้าราชการครู

อธิการบดี มร.สส. กล่าวอีกว่า แม้ว่ามีเด็กให้ความสนใจมาสมัครเข้าเรียนสายครุศาสตร์มากขึ้น ซึ่งแน่นอนจะทำให้ได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาอยู่สายครูเพิ่มมาก ขึ้น ดังนั้น รัฐบาลเองจึงไม่ควรละทิ้งโอกาสอันดีนี้ โดยต้องรีบให้การสนับสนุนผู้ที่เข้ามาเรียนสายครุศาสตร์อย่างจริงๆจังๆทันที ทั้งเรื่องการให้ทุน การการันตีการมีงานทำ การควบคุมการผลิตบัณฑิตสายครูให้มีคุณภาพเหมือนกับสภาการพยาบาล

“ผม ไม่อยากเห็นผู้ที่จะเข้าสู่วิชาชีพครูจบและได้ใบประกอบวิชาชีพกันง่ายๆ เหมือนทุกวันนี้ คณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ต้องปรับเปลี่ยนใหม่ ไม่ใช่ปล่อยให้สถาบันไหนก็ผลิตได้ สุดท้ายเด็กจบออกมาไม่มีคุณภาพ ไม่มีงานทำก็ไม่มีใครรับผิดชอบ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปอีก 5 ปีข้างหน้า คนเรียนครูก็คงล้นตลาดอีกรอบ ดังนั้น สภาคณบดีคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้” รศ.ดร.ช่วงโชติกล่าว.

Leave a comment »

“ชินวรณ์” ย้ำ สพฐ.เข้มรับนักเรียน อุดช่อง “เด็กฝาก” ขู่ ผอ.ฝืนกฎเจอดีแน่!

ที่มาข้อมูล : ASTV ผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 10 มีนาคม 2554
“ชินวรณ์” ส่งหนังสือด่วนสั่ง สพฐ.กำชับโรงเรียนเข้มนโยบายรับนักเรียนปี 54 ย้ำ อย่าลืมกฎเหล็ก 9 ข้อ ห้ามขยาย 50 คน/ห้อง เอื้อโควตาผู้มีอุปการคุณ ใช้เป็นเงื่อนไขเรียกรับเงิน หวั่นเกิดช่องโหว่ บางโรงเรียนตีความนโยบายคลาดเคลื่อน ขู่ละเมิดกฎผู้บริหารต้องรับผิดชอบ
10 มี.ค. นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่า การกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้พบว่ามีการร้องเรียนเข้ามาที่ศูนย์ประสานงานการรับนักเรียนกระทรวง ศึกษาธิการ (ศป.นร.) ว่า ยังมีปัญหาในทางปฏิบัติเกี่ยวกับนโยบายการรับนักเรียนปี 2554 ดังนั้น เพื่อให้การนำนโยบายไปปฏิบัติ และเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ตนจึงทำบันทึกข้อความด่วนที่สุด เลขที่ ศธ.0100/959 ลงวันที่ 10 มี.ค.2554 ถึง นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ให้กำชับสถานศึกษาดำเนินการดังนี้

1. ให้สถานศึกษารับนักเรียนตามแผนการรับนักเรียนที่วางไว้ และกฎ 9 ข้อโดยเคร่งครัด
2. ในกรณีการรับนักเรียนรอบเดียว ให้โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง ประสานโรงเรียนคู่พัฒนาให้ชัดเจน ถึงแนวทางในการดำเนินการ

3. การกำหนดให้มีการขยายจำนวนนักเรียนเป็น 50 คน/ห้อง ไม่ได้หมายถึงให้เปิดรับนักเรียนเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษแต่เป็นการเปิดเพื่อรองรับนักเรียนให้ เพียงพอกับความต้องการเหมือนปีที่ผ่านมา

4. นักเรียนเงื่อนไขพิเศษ เช่น ผู้บริจาคที่ดิน หรือผู้มีอุปการคุณให้โรงเรียนประกาศจำนวน และเงื่อนไขให้ชัดเจน และห้ามใช้การรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษเป็นเงื่อนไขในการเรียกรับเงิน หรือผลประโยชน์อื่นเป็นอันขาด

5. เมื่อสถานศึกษารับสมัครนักเรียนแล้วให้รายงานชื่อ สกุล นักเรียน จำนวนที่รับสมัครให้กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ทราบตามกำหนด

นายชินวรณ์ กล่าวด้วยว่า

6. ให้กำชับเจ้าหน้าที่ประจำ ศป.นร.ให้ปฏิบัติหน้าที่จนถึงวันที่ 30 เม.ย.นี้

7. หากมีกรณีที่มีผลกระทบต่อความสำเร็จของการนำนโยบายการรับนักเรียนปีการศึกษา 2554 ไปปฏิบัติ ให้รายงาน ศธ.ทราบทันที และ

8. ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) กำหนดแนวทางการปฏิบัติเพิ่มเติมให้ชัดเจน อย่างเคร่งครัด

“มี เรื่องร้องเรียนเข้ามาว่าบางโรงเรียนไปกำหนดเงื่อนไขพิเศษให้กับบุคคลที่ไม่ ใช่ผู้ที่จะบริจาคที่ดิน หรือผู้ที่มีอุปการคุณดั้งเดิม ถึงแม้จะไม่ปรากฏชัดว่าเป็นการเรียกรับเงินหรือไม่ แต่อาจจะทำให้เกิดช่องทางที่นำไปสู่การฝากเด็ก และเรียกรับเงิน ทั้งนี้ ยังมีบางโรงเรียนที่ไปตีความนโยบายคลาดเคลื่อน จนอาจทำให้เกิดช่องว่าง ผมจึงเป็นห่วงอาจจะมีช่องว่างให้เกิดการฝากเด็ก ทั้งนี้ผู้บริหารโรงเรียนจะต้องรับผิดชอบตามที่ผมได้ให้นโยบายไปแล้ว” รมว.ศธ.กล่าว

Leave a comment »

ศธ.หาช่องอุ้มครู2หมื่นแห้วปรับเงิน8%

จากเดลินิวส์ออนไลน์
วันพุธ ที่ 09 มีนาคม 2554
ผุด10เก้าอี้แขวนครู-บุคลากรผิดวินัย

ตามที่ร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้ว และจะมีการเสนอเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ให้มีผลบังคับใช้นั้น แหล่งข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้ตรวจสอบข้อมูล พบว่า ข้าราชการครูฯ ส่วนใหญ่ จะได้ปรับเพดานเงินใหม่ 8% แต่จะมีผู้ที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเงินเดือน ขั้นต่ำตามบัญชีเงินเดือนขั้นสูงขั้นต่ำแนบท้ายร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะฯ ประมาณ 20,000 คน ไม่ได้รับการปรับเพดานดังกล่าว โดยกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มครูผู้ช่วยอันดับเงินเดือน คศ.1, คศ.2 และ คศ.3 แต่ยังคงได้รับการปรับในส่วนของค่าครองชีพ 5%

ด้าน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศธ.กล่าวว่า ยอมรับว่าจะมีข้าราชการครูฯ บางกลุ่มไม่ได้ปรับเงินเดือนดังกล่าวจริง เนื่องจากกฎหมายไปกำหนดอัตราขั้นสูงขั้นต่ำเอาไว้ ดังนั้น ตนจึงได้มอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ไปหารือกับคณะกรรมการเงินเดือนแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่าจะทำอย่างไร โดยน่าจะมีทางออก 2 แนวทางได้แก่ 1. ให้มีการปรับพอกหรือทยอยปรับเงินเดือนให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากลุ่มนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงอันดับเงินเดือนขั้นต่ำ และ 2. อาจจะต้องปรับตัวเลขที่เป็นโครงสร้างเงินเดือน เพื่อให้ได้มีโอกาสได้รับเงินเดือนเท่ากับข้าราชการในส่วนงานอื่นที่ไม่ได้ปรับมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งตนทราบว่า ก.พ. เคยใช้วิธีการปรับพอกเงินเดือนแก่ข้าราชการพลเรือนที่เงินเดือนไม่ถึงขั้นต่ำเช่นเดียวกัน

รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อครูฯ ได้ปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นแล้ว การปฏิบัติงานของครูต้องมีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุม ก.ค.ศ. ได้มีมติเห็นชอบให้คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) ส่วนราชการที่ ก.ค.ศ.ตั้ง เป็นผู้พิจารณาตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามากำหนดที่ส่วนราชการ เพื่อประโยชน์ในการสั่งให้ข้าราชการครูฯ ประจำส่วนราชการ ตามกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำส่วนราชการ พ.ศ.2550 จำนวน 10 ตำแหน่ง ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของตนที่ต้องการให้มีตำแหน่งสำรองราชการในส่วนกลางเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อรองรับการตัดโอนตำแหน่งมาสำรองราชการได้ทันทีใน 4 กรณี ได้แก่ 1. กรณีถูกกล่าวทุจริตคอร์รัปชั่น 2. กรณีประพฤติผิดทางเพศกับนักเรียน 3. กรณีผิดนโยบายของ ศธ. เช่น ไม่ทำตามนโยบายการรับนักเรียน หรือการไม่ทำตามนโยบายโครงการเรียนดีเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ และ 4. กรณีหากพบผู้บริหารการศึกษา สถานศึกษา ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งถ้ามีข้าราชการครูฯกระทำผิดเข้าข่าย 4 กรณีดังกล่าว ก็จะมีการสั่งมาสำรองราชการ และทางต้นสังกัดก็สามารถแต่งตั้งคนอื่นขึ้นมาแทนได้ทันที โดยไม่ต้องรอกระบวนการสอบสวน.

Leave a comment »

“ชินวรณ์” เผยครูผู้ช่วย คศ.1-3 กว่า 2 หมื่นคน ชวดปรับเพดานเงินเดือน 8%

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 มีนาคม 2554

“ชินวรณ์” รับครูผู้ช่วย เงินเดือน คศ.1-3 กว่า 2 หมื่นคน อดได้ปรับเพดานเงินเดือนใหม่ 8% แต่ได้ปรับค่าครองชีพ 5% เหตุมีเงินเดือนต่ำกว่าขั้นต่ำตามบัญชีเงินเดือนขั้นสูงขั้นต่ำแนบท้ายร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ พร้อมมอบ ก.ค.ศ .หาทางออก เล็งปรับพอกเงินเดือนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงอันดับเงินเดือนขั้นต่ำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังหลังจากร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับ ที่) พ.ศ. … ที่วุฒิสภาได้เห็นชอบ 3 วาระรวดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา และจากนี้วุฒิสภาต้องส่งร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะฯ ไปให้ยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไปนั้น ในขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่า ข้าราชการครูฯ ส่วนใหญ่จะได้ปรับเพดานเงินใหม่ 8% แต่จะมีข้าราชการครูฯ ที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเงินเดือนขั้นต่ำตามบัญชีเงินเดือนขั้นสูงขั้นต่ำแนบท้ายร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะฯ ประมาณ 20,000 คน จะไม่ได้รับการปรับเพดานดังกล่าว แต่ยังได้รับการปรับในส่วนของค่าครองชีพ 5% โดยข้าราชการครูฯ กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มครูผู้ช่วย อันดับเงินเดือน คศ.1, คศ.2 และ คศ.3

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ยอมรับว่าจะมีข้าราชการครูฯ บางกลุ่มจะไม่ได้ปรับเงินเดือนดังกล่าวจริง เนื่องจากกฎหมายไปกำหนดอัตราขั้นสูงขั้นต่ำเอาไว้ ดังนั้น ตนจึงได้มอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปหารือว่าจะทำอย่างไร ซึ่งน่าจะมีทางออก 2 แนว คือ 1. ให้มีการปรับพอกหรือค่อยปรับเงินเดือนให้ข้าราชการครูฯ กลุ่มนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงอันดับเงินเดือนขั้นต่ำ 2.อาจต้องปรับตัวเลขที่เป็นโครงสร้างเงินเดือนเพื่อให้ได้มีโอกาสได้ปรับ เงินเดือนเท่ากับข้าราชการในส่วนอื่นที่ไม่ได้ปรับมาแล้ว 2 ครั้ง

นายชินวรณ์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ก.ค.ศ.จะต้องไปหารือกับ คณะกรรมการเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่าต้องปรับเงินเดือนไปในแนวทางเดียวกัน ทั้งนี้ตนทราบว่าทาง ก.พ.เองก็ใช้วิธีการปรับพอกเงินเดือนแก่ข้าราชการพลเรือนที่เงินเดือนไม่ถึงขั้นต่ำเช่นเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับข้าราชการครูฯ ที่จะไม่ปรับเพดานเงินเดือน 8% นั้นผู้รับเงินเดือนอันดับ คศ.1 ที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 8,130-11,650 บาท, ผู้รับเงินเดือนอันดับ คศ.2 ที่มีเงินเดือน 12,530 – 15,040 บาท, ผู้รับเงินเดือนอันดับ คศ.3 ที่มีเงินเดือน 12,530-18,480 บาท ส่วนกลุ่มครูผู้ช่วยนั้นก็จะไม่ได้ปรับเช่นเดียวกันเนื่องจากบัญชีเงินเดือน ขั้นสูงขั้นต่ำแนบท้ายร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ ไม่ได้มีการปรับฐานใหม่ เพราะขั้นเงินเดือนครูผู้ช่วยจะเป็นขั้นเงินเดือนชั่วคราวของครูที่บรรจุ ใหม่ ซึ่งเมื่อทำงานครบ 2 ปีก็จะได้เลื่อนหรือปรับไปสู่อันดับเงินเดือน คศ.1แทนหากผ่านการประเมิน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะผ่านการประเมินอยู่แล้ว

Leave a comment »

เปิดโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” คาด 3 ปีมีเครือข่าย 15,000 โรง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2554
มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ร่วมกับ นานมีบุ๊คส์ พร้อมด้วยเครือข่ายความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน แถลงเปิดตัวโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย ปีการศึกษา 2554” มุ่งวางรากฐานวิทยาศาสตร์ให้เด็กปฐมวัย ส่งเสริมให้เด็กกระตือรือร้น กล้าคิด ช่างสังเกต พร้อมตั้งเป้า 3 ปี มีโรงเรียนเครือข่าย 15,000 แห่ง พร้อมเปิดรายการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” ออกอากาศทางทีวีไทยใน ก.ค.นี้ อีกด้วย

คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ กรรมการมูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา และประธานโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ได้กล่าวเปิดตัวโครงการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ปีการศึกษา 2554” เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 54 ว่า โครงการนี้ ต้องการวางรากฐานการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ให้เด็กวัยอนุบาล ที่มีอายุระหว่าง 3-6 ปี ส่งเสริมให้เด็กกระตือรือร้น ช่างคิด ช่างสังเกต รู้จักตั้งคำถามพร้อมกับค้นหาคำตอบ ตลอดจนมีทักษะการสื่อสาร และสามารถที่จะทำงานเป็นกลุ่มได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ทั้งนี้ นางสุวดี จงสถิตย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการบริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด ในฐานะรองประธานโครงการ และผู้ดำเนินโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้นำแนวคิดของโครงการส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาตร์สำหรับเด็กอนุบาลในประเทศเยอรมนี “เฮาส์ แดร์ ไคลเน็น ฟอร์เชอร์” (Haus der kleinen Forscher) มาใช้ ซึ่งโครงการดังกล่าวนั้นประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยสามารถขยายผลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จากโรงเรียน 50 แห่งในปีแรก สู่ 15,000 แห่ง ใน 3 ปี”

สำหรับประเทศไทยนั้น ปี 2553 ได้นำร่องไปสู่โรงเรียน 221 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนในเขตกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ชลบุรี ระยอง อุดรธานี สมุทรสงคราม ราชบุรี และ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นการบริหารงานโดยผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น (Local Network : LN) ทั้งหมด 8 แห่ง

ทั้งนี้ คุณหญิงสุมณฑา กล่าวด้วยว่า ในปี 2554 ประเทศไทยได้ตั้งเป้าโรงเรียนไว้ 3,000 แห่ง โดยมี ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น 210 แห่ง และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 15,000 แห่งภายใน 3 ปี อีกทั้งในปีนี้ ทุกโรงเรียนที่อยู่ในจังหวัดน่าน และ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ได้เข้ามาร่วมโครงการดังกล่าวทั้งหมดแล้ว และจะขยายผลไปในทุกโรงเรียนทั่วประเทศต่อไป

รองประธานโครงการและผู้ดำเนินโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ได้อธิบายต่อว่า โครงการนี้มุ่งหวังที่จะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ใน 2 ระดับ คือ ในระดับโรงเรียนและครอบครัว

ระดับโรงเรียน คือ ทางโครงการนั้นจะมี “กล่องนักวิทยาศาสตร์น้อย” ให้กับโรงเรียนที่เข้าโครงการ ซี่งในกล่องจะประกอบไปด้วยใบกิจกรรมการทดลองมีทั้งหมด 60 กิจกรรมการทดลอง โดยมี 6 หมวดได้แก่ น้ำ อากาศ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไฟฟ้า แสง สี และการมองเห็น และคณิตศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีคู่มือครู โดยจะมีเทคนิคการสอนทฤษฏีและหลักการทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ อย่างง่าย พร้อมสมุดบันทึก บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย เพื่อบันทึกกิจกรรมต่างๆที่ทำในโรงเรียน

“ทุกโรงเรียนที่เข้าโครงการที่ทำการทดลองวิทยาศาสตร์กับเด็กๆ จะได้รับตรา “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” มื่อจบโครงการแต่ละครั้ง จะต้องบันทึกกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 20 การทดลอง และทำโครงงานวิทยาศาสตร์ไม่ต่ำกว่า 2 โครงงาน ” นางสุวดี กล่าว

นอกจากนั้น ยังมีการอบรมครูผู้สอน เพื่อเตรียมเครื่องมือและความพร้อมในการสอนแบบใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีวิทยากรหลัก (Core Trainer) จะเป็นผู้ที่วางแผนและถ่ายทอดกระบวนการเรียนการสอนของโครงการให้กับวิทยากรเครือข่ายท้องถิ่น ซึ่งแต่ละเครือข่ายประกอบด้วยโรงเรียนประมาณ 30-150 แห่ง

แต่ละเครือข่ายสามารถส่งผู้แทน 2-4 คน เป็นวิทยากรท้องถิ่น (Local Trainer : LT) เข้ารับการอบรมการอบรมการสอนและการใช้สื่ออุปกรณ์ รวมทั้งคู่มือการสอนกับทีมงานของโครงการ จากนั้นวิทยากรท้องถิ่น จะต้องถ่ายทอดเทคนิค และแนะนำวิธีการสอนไปยังครูอนุบาลตามโรงเรียนต่างๆ

ทั้งนี้ ยังมีการประกาศรับอาสาสมัครผู้ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรพี่เลี้ยง เพื่อช่วยเหลือครูในการสอนและพูดคุยกับเด็ก เพื่อปลุกเร้าความสนใจให้เด็กมีความกระตือรือร้น ที่จะเรียนรู้และมีความรักในวิทยาศาตร์ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่เด็กนอกห้องเรียนอีกด้วย

ส่วน ระดับครอบครัว จะมีการให้ความรู้ความเข้าใจ แก่ผู้ปกครองให้มีบทบาทการปลูกฝังนิสัยรักวิทยาศาสตร์ให้แก่ลูกผ่านนิทานและการทดลองอย่างง่ายจากหนังสือ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”

อย่างไรก็ดี ทางโครงการยังได้จัดทำเว็บไซต์ http://www.littlescientistshouse.comหรือ http://www.witnoi.com เพื่อ ให้ครูและผู้ปกครองได้เข้ามาค้นหาความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน และเพื่อเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์กิจกรรมของโครงการต่อไป

อีกทั้งคณะกรรมการของโครงการยังกำลังพัฒนารายการโทรทัศน์ชื่อ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” ซึ่งจะออกอากาศในช่อง “ทีวีไทย” ในช่วงเดือน ก.ค. นี้ โดยจะออกอากาศในช่วงเช้าของวันเสาร์และวันอาทิตย์ มีเนื้อหาทั้งหมด 10 นาที โดย 3 นาทีแรก จะเป็นการ์ตูนแอนนิเมชั่นแนววิทยาศาสตร์ จากนั้นอีก 7 นาที จะมีการทดทองสนุกสานให้ได้รับชมกันอีกด้วย

Leave a comment »

ทวท.-กสพท.วิศวะสอบรับตรงร่วมกัน

จากเดลินิวส์ออนไลน์
วันพฤหัสบดี ที่ 03 มีนาคม 2554
ชงปี 55 สทศ.แม่งานจัดสอบ 7 วิชา

ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม ประธานคณะทำงานศึกษาระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาด้วยระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือ แอดมิชชั่นกลาง ของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยผลการหารือร่วมกับ รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ตัวแทนกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) ศ.ดร.ละออศรี เสนาะเมือง ตัวแทนสภาคณบดีคณะวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย (ทวท.) รศ.ดร.วิบูลย์ ชื่นแขก รองประธานสภาคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย และ ผศ.ดร.ม.ร.ว.กัลยา ติงศภัทิย์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับการจัดรับตรงส่วนกลางร่วมกันของ ทปอ. เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ว่า จากการหารือเบื้องต้นเห็นตรงกันว่า จะเข้าร่วมจัดรับตรงส่วนกลางร่วมกันของ ทปอ. ในปีการศึกษา 2555 แต่จะให้คณะต่าง ๆ ไปกำหนดสัดส่วนของค่าน้ำหนักและองค์ประกอบที่จะใช้เองว่าต้องการอะไร เพื่อให้ได้เด็กตามที่ต้องการมากที่สุด

ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมยังเห็นว่าควรให้สทศ.เป็นผู้จัดสอบรับตรง จำนวน 7 วิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และสังคมศึกษา โดยให้ค่าน้ำหนักวิชาละ 100 คะแนน ใช้เวลาสอบวิชาละ 2 ชั่วโมง คาดว่าจะจัดสอบในช่วงเดือน ม.ค. 2555 ซึ่งสอบคนละช่วงกับการจัดทดสอบความถนัดทั่วไปหรือ GAT และการทดสอบความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพหรือ PAT เพื่อไม่ให้นักเรียนสับสน ขณะที่สมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (สอท.) จะทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานรับตรง ที่จะรับและประกาศรายชื่อเด็กแต่ละคนว่าติดรับตรงที่ไหนบ้าง จากนั้นให้เด็กได้ตัดสินใจว่าจะเลือก และสอท.จะประกาศรายชื่อเด็กอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้หมดปัญหาเรื่องการกั๊กที่เรียนของเด็ก ส่วนการประเมินผลการรับตรงส่วนกลางร่วมกันจะต้องประกาศผลไม่ให้เกินวันที่ 15 มี.ค. 2555 เพื่อดำเนินการให้เสร็จก่อนที่จะมีการรับในระบบแอดมิชชั่นกลาง ทั้งนี้ตนจะนำผลการหารือเสนอต่อที่ประชุมคณะทำงานแอดมิชชั่นกลางของทปอ. ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ จากนั้นจะเสนอทปอ.ตัดสินในเดือน เม.ย.นี้

รศ.นพ.สรนิต กล่าวว่า กสพท.จะไปหารือกันว่าจะให้ สทศ.จัดสอบวิชาเฉพาะให้หรือไม่ แต่เท่าที่ดู กสพท.น่าจะจัดสอบวิชาเฉพาะเอง

ด้าน ศ.ดร.ละออศรี กล่าวว่า ทวท.ยินดีเข้าร่วมรับตรงส่วนกลางร่วมกัน ของ ทปอ.เพราะจะทำให้สามารถคัดเด็กได้ตามที่คณะวิทยาศาสตร์ต้องการ โดยมีการแยกสอบวิชาฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา ซึ่งการให้ค่าน้ำหนัก 3 วิชา ๆ ละ 100 คะแนน จะทำให้เด็กสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์มากขึ้น.

Leave a comment »