จากเดลินิวส์ออนไลน์
วันพุธ ที่ 06 เมษายน 2554
“ชินวรณ์” รับผลสอบโอเน็ตนักเรียน ม.6 ไม่น่าพอใจ ลั่นต้องรีบวิเคราะห์หาสาเหตุ ปรับปรุงคุณภาพขนานใหญ่
จากกรณีที่สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ประกาศผลการสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐานหรือโอเน็ต ชั้น ม.6 ปีการศึกษาการศึกษา 2553 ซึ่งผลปรากฏว่านักเรียน ม.6 ยังคงทำคะแนนได้ไม่ถึงร้อยละ 50 โดยในวิชาวิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษ ทำคะแนนเฉลี่ยได้ไม่ถึงร้อยละ 20 ซึ่งแย่ลงกว่าปีการศึกษา 2552 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 6 เม.ย.นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ต้องยอมรับผลการสอบโอเน็ต ของนักเรียนม .6 ในช่วงที่ผ่านมายังไม่เป็นที่น่าพอใจ ขณะเดียวกันต้องมาวิเคราะห์สาเหตุ และหาแนวทางแก้ไขไปต่อไป โดยต้องดูคุณภาพของครู กระบวนการเรียนการสอน และการจัดสอบของ สทศ. ว่าเมื่อมีการสอบแล้วได้นำผลการสอบไปใช้ปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนหรือไม่
“ตนไม่อยากให้นักเรียนและผู้ปกครองกังวลผลการสอบโอเน็ตมากนัก เพราะการสอบโอเน็ตจะต่างจากการสอบเลื่อนชั้น และการสอบวัดความถนัดทั่วไปหรือแกตและการสอบวัดความถนัดทางวิชาการ/วิชาชีพหรือแพท 1 ปีที่ผ่าน ผมพยายามปรังปรุงคุณภาพการเรียนการสอนให้สูงขึ้นมาตลอด โดยประกาศจุดเน้นคุณภาพของผู้เรียนต้องอ่านออก เขียนได้ นักเรียนม.4-ม.6 ต้องมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเกินร้อยละ 50 ครูต้องปรับปรุงการเรียนการสอนด้วยการนำระบบไอซีทีมาช่วยสอน รวมทั้งต้องไม่เน้นให้เด็กท่องจำ แต่เรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น และไม่ไปกวดวิชา แต่เมื่อผลการสอบโอเน็ตออกมาผมก็ยอมรับว่าไม่เป็นที่น่าพอใจ และจากนี้จะต้องมีการปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนในห้องเรียนขนานใหญ่” นายชินวรณ์ กล่าว
ด้าน ดร.สมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวว่า เมื่อผลการสอบโอเน็ตออกมาดังกล่าว ตนเชื่อและรู้สึกเป็นห่วง โดยเบื้องต้นเชื่อว่าส่วนหนึ่งเพราะข้อสอบที่เปลี่ยนไป ขณะเดียวกันเด็กที่เข้าสอบก็เป็นคนละรุ่น อย่างไรก็ตามหลังจากนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะนำผลการสอบมาวิเคราะห์อย่างละเอียดอีกครั้ง ที่ผ่านมา สพฐ.ได้มีการนำร่องใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยการแบ่งกลุ่มโรงเรียนและนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเก่ง จะพัฒนาให้เต็มตามศักยภาพ กลุ่มทั่วไปจะส่งเสริม และกลุ่มอ่อนจะช่วยเหลือ
ดังนั้นต้องมาวิเคราะห์เจาะลึกตามรายกลุ่มว่ามีผลคะแนนเป็นอย่างไร และจะมาคิดคะแนนเฉลี่ยในภาพรวมของประเทศไม่ได้ เนื่องจากเด็กกลุ่มอ่อน ซึ่งเป็นเด็กส่วนใหญ่จะไปดึงผลคะแนนของเด็กเก่ง
ส่วน ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า สพฐ.จะขอข้อมูลอย่าละเอียดจาก สทศ. โดยให้จำแนกตามขนาดของโรงเรียนและที่ตั้ง เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าคะแนนที่แย่ลงนั้นมาจากสาเหตุอะไร อย่างไรก็ตามเดิมมีการสันนิฐานว่าคะแนนโอเน็ตของเด็กม.6 ที่ออกมาไม่ดี ส่วนหนึ่งมาจากความไม่ตั้งใจในการสอบโอเน็ตของเด็ก เพราะบางคนอาจจะสอบติดรับตรงของมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่ได้ใช้ผลการสอบโอเน็ต มาประกอบการเข้าเรียนไปแล้ว.